[LAOS] หลวงพระบาง… เส้นทางสายชิล :)
ห ล ว ง พ ร ะ บ า ง..เส้นทางสายชิล : )
หลวงพระบางทริปนี้ มีความเขียวมาก….
ใครหลงรักความชุ่มฉ่ำ และธรรมชาติสวยๆในหน้าฝน ขอให้มารูทนี้ดูซักครั้ง
รับรองเลยว่า จะรักประเทศลาวเหมือนเรา : ))
ใครว่าหน้าฝนไม่น่าเที่ยวนี่ขอค้านนะ เพราะจากที่ไปสัมผัสความชิลขั้นสุดที่ “หลวงพระบาง ”
มาบอกเลยว่า “ลาว” นี่เป็นประเทศที่มีอะไรให้เซอไพรซ์ตลอดเลย มองข้ามไม่ได้จริงๆ
ครั้งก่อนไปวังเวียงก็ชอบทุกอย่าง ครั้งนี้มาหลวงพระบางก็ดีต่อจิตใจเหลือเกิน
ทริปนี้ เน้น Slowlife เอาใจสายชิลเต็มที่ กินหรู อยู่ดี Activity เริ่ด ตามสไตล์ Nowhere, But here เหมือนเดิมนะ
ไปเมื่อไหร่ ?
- 11-14 สค ที่ผ่านมาเลยค่ะ จัดไปยาวๆ 4 วัน 3 คืน
ไปยังไง ?
- สายการบิน Low cost ที่ดีที่สุดในเวลานี้ แอร์เอเชียไง จะใครล่ะ เวลาดี ออกบ่าย 2 ไม่ต้องรีบร้อน บิน 1.20 ชม ถึงที่หมายสวยๆ
ไฮไลท์ทริปนี้ คืออะไร ?
- #1ความสวยงามข้างทาง
เราสายรักธรรมชาตินะ 555 แพ้ความเขียว ฉ่ำๆ มองไปทางไหนคือสดชื่น หน้าฝนกับหลวงพระบาง มันใช่เลย
- #2 Activity คูลๆ ที่ Living land and Farm
นาข้าวสวยที่มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสวิถีธรรมชาติแท้ๆ โดยนำความเป็นชาวบ้าน ปลูกข้าว เลี้ยงสัตว์ มานำเสนอผ่านการท่องเที่ยวได้น่ารักมาก ให้เข้าไปเที่ยวแบบ day tour เลย ไม่รู้ว่าเป็นที่ลับมั้ย แต่มาละตกใจเห้ย ลาวมีแบบนี้ด้วยหรอ ดูแพงมาก ( ค่าเข้าก็แพงเช่นกัน )
- #3 ความชิคของรีสอร์ทริมแม่น้ำโขง
ที่พักทริปนี้ อาจไม่ได้หรูหรา แต่มีดีเทล และมีสไตล์เป็นของตัวเองมาก วิวดีอีกต่างหาก ถ่ายรูปสวยทุกมุม อยู่รีสอร์ทก็ฟินละบอกเลย
นอนที่ไหน ?
- คืนที่ 1-2 : Ock Pop Tok Mekong Villa
- คืนที่ 3 : The Belle Rive Boutique Hotel
เที่ยวที่ไหน ทำอะไร ?
- ไป Half day tour ที่Living land & Farm
- ไปเช่ามอไซด์ขับรถเล่น ถ่ายรูป ชมวิวสวยๆหน้าฝน เพราะข้างทางมีความเขียวมาก
- ไปร้านชิคๆ ริมน้ำ แหล่งรวมตัวของ Backpacker ที่ UTOPIA
- ไปชมวิว นั่งชิล กินกาแฟลาว ที่ร้าน View point cafe
- ตักบาตรข้าวเหนียวตอนเช้า
- ไปเดินตลาดมืด ซื้อของพื้นเมือง เดินกินขนม จิบคอกเทล
- ไปเดินเล่นในเมือง ดูความชิคของบ้านแต่ละหลัง บอกเลยว่า โคตรมีเสน่ห์
กินอะไร ?
- อาหารพื้นเมือง ลาบปลา, ส้มตำกะปิ นี่ต้องโดนเลยล่ะ
MY PLAN
- Day 1 : กรุงเทพ – หลวงพระบาง – Check-in พักผ่อนที่รีสอร์ท
- Day 2 : Living land Farm – น้ำตกกวงศรี – เดินตลาดมืด – นั่งชิลร้านในเมือง
- Day 3 : Check-in โรงแรม พักผ่อน – ไปร้านกาแฟ Viewpoint café – ไปนั่งเล่นที่ Utopia – เดินเล่นถ่ายรูปในเมือง
- Day 4 : ตักบาตรข้าวเหนียว – เดินตลาดเช้า – แวะ JOMA Café – กลับ กทม
Day 1 : กรุงเทพ – หลวงพระบาง – พักผ่อนที่รีสอร์ท
ทริปนี้เราออกจาก กทม ชิวๆ เลยค่ะ ขึ้นเครื่องบ่าย 2 ถึงหลวงพระบางประมาณ บ่าย 3 ครึ่ง คราวนี้ก็บินกับ AirAsia เช่นเคย เวลาดี บริการเริ่ด ถูกและดียังมีบนโลก
เครื่องบินของ AirAsia มีกิมมิค ตลอด วันนี้มาเป็นแนวเพื่อชีวิต คาราบาวมาเลย
อาหารบนเครื่อง รองท้องซักหน่อย เมนูแต่ละอย่างของ AirAsia นี่ไม่เคยทำให้ผิดหวัง วันนี้ขอนำเสนอ ข้าวมันไก่ย่าง
เครื่องจะ landing แล้ว …. มีความเขียว ตั้งแต่วินาทีแรก ที่พบเจอ..
ถึงแล้วล่ะ สะบายดี หลวงพระบาง : )
สื่งแรกที่มาถึงคือ ซื้อซิมค่ะ ออกมาจาก Gate ก็เจอคนขายเลยล่ะ เราใช้แบบ unlimit 4 วัน 300 บาท จัดการเสร็จก็หารถเข้าเมืองเลย เราได้ราคามาที่ 300 บาท ส่งถึงที่พัก ที่พักสำหรับ 2 คืนแรก ” Ock Pop Tok Makong Villa ” เลือกมานอนนอกเมืองหน่อยจะได้สัมผัสธรรมชาติเต็มที่ ห้องพักที่นี่มีน้อยไ ม่เน้นปริมาณ แต่คุณภาพเริ่ดมากๆ
นั่งรถมาจากสนามบินไม่นาน ก็ถึงแล้วล่ะ ที่พักของเรา น่ารักเชียว
Reception Zone ตกแต่งได้น่ารัก ด้วยผ้าไหมสวยๆ ประทับใจตั้งแต่มาถึง มีความชิคไปอีกค่ะ
รีสอร์ทอยู่ริมแม่น้ำโขง มีที่ให้นั่งชิล ดูวิวสวยๆ เยอะเลย บรรยากาศโอเคมาก เงียบๆ เหมาะแก่การมาพักผ่อน
นอกจากที่นี่จะเป็นรีสอร์ทสวยแล้ว ยังเป็นสถานที่ในการฝึกทอผ้าด้วยนะคะ มีคลาสสอนกันเป็นเรื่องเป็นราวเลยล่ะ
ห้องนอนเราค่ะ ห้องนี้ Type Garden and river view
ห้องพักเล็กๆ แต่ดูดีมากๆ เห็น วิวแม่น้ำซะด้วย
เคล็ดลับสายชิลคือการเลือกโรงแรมเลยนะ การได้อยู่ที่พักที่ใช่ ก็เหมือนได้เที่ยวแล้วล่ะว่ามั้ย ^^
มาถึงก็เกือบเย็นแล้ว พักผ่อนยาวๆค่ะวันนี้ มื้อเยนก็ทานที่ รร นี่เลย มาลองอาหารพื้นเมือง ลาบปลา กับ ส้มตำลาว จะบอกว่า รสชาติดีมาก ติดใจเลยค่ะ มาลาวต้องอาหารพื้นเมืองเท่านั้น ไม่ผิดหวัง
กิจกรรมยามค่ำคืนของที่รีสอร์ท ดูหนังกลางแปลงกันนะจ๊ะ เก๋ป๊ะล่ะ
Day 2 : Living land Farm – น้ำตกกวางสี – เดินตลาดมืด – นั่งชิลร้านในเมือง
วันนี้เรามีแพลนหลักๆไป Living land Farm กัน รถของที่ฟาร์มมารอรับที่รีสอร์ท ตั้งแต่ 8 โมงครึ่ง Living land Farm อยู่ไม่ไกลจากรีสอร์ท และตัวเมืองมาก นั่งรถประมาณ 10 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ
มาถึงสิ่งแรกที่เห็นก็คือน้องควายน้ำยืนกินหญ้าอ่อนต้อนรับอยู่ ภาพข้างหน้าเป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูงสวยๆ ที่ล้อมไปด้วยทุ่งนาเขียวๆ ภูเขา และหมอกบางๆ เหยยยยย สวยอ่ะ ดูดีมาก รู้สึกถึงความเป็นชนบทแบบไฮโซๆ พนักงานพูดอังกฤษคล่องปร๋อ ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาแบบ exclusive มาก ใช่เลย เลือกมาเที่ยวถูกที่แล้ว ทริปนี้คุ้มละ
เจ้าควายน้ำตัวนี้ชื่อ น้องรูดอล์ฟ เชื่องอย่างกะแมว
กิจกรรมของที่นี่คือการให้นักท่องเที่ยวที่มา มาเรียนรู้ และ ลองใช้ชีวิตแบบชาวนาที่นี่ มีตั้งแต่ให้ ปลูกข้าว เลี้ยงควาย จนมาถึงการได้มาซึ่งข้าว ที่เรากินๆกัน นี่แหละ ดูไม่น่ามีอะไรใช่มั้ย ตอนแรกเราก็คิดแบบนั้น แต่มันมีอะไรค่ะท่านผู้ชม กิมมิคมันคือ การได้ไปทำจริงๆ ขี่ควายจริงๆ ปลูกข้าว ทำนา จริงๆ และบรรยากาศมันสวยมาก สวยจนอิจฉาชาวนาที่นี่ไปเลย
กิจกรรมแบ่งเป็นฐานๆ ทำนี่เสร็จ ก็ไปทำอย่างอื่นต่อ มีให้เรียนรู้ประมาณ 14 ฐานได้มั้ง ได้ลอง ได้เลอะเทอะกันหนำใจ
นักท่องเที่ยวที่มาส่วนมากเป็นฝรั่งทั้งนั้น และเค้าก็ดูปลาบปลื้มกับวิถีชาวนาแบบนี้เอามากๆ ยังแอบคิดเลยว่าทำไมที่ไทยไม่ทำบ้างนะ
ทุกอย่างดูสะอาด และเตรียมทุกอย่างมาดีมาก แบบดูบ้านๆ แต่มีความแพง
ทำกิจกรรมเสร็จแล้ว ก็ปิดท้ายด้วย อาหารว่างเบาๆ ที่เค้าจัดไว้ให้ มีความจัดวางสวยอีกต่างหาก
เราเสร็จจากที่นี่ประมาณเที่ยง ๆ ก็เช่ารถมอไซด์ ไปต่อที่น้ำตกกวางสีค่ะ ดูจากในรูปมานี่แบบสวยมากๆ อยากมาเลย แต่เผอิญโชคชะตาไม่เข้าข้าง มาช่วงน้ำป่าไหลหลากพอดิบพอดี น้ำไม่ใส และไม่สวยเอาซะเลยค่ะ แต่ไม่เป็นไร บอกตัวเองไว้มาใหม่ก็ได้เนอะ เพราะค้าว่ามัน Unseen มากจริงๆ เพื่อนคนไหน ได้ไปตอนมันสวยๆ ถ่ายรูปมาฝากเค้าด้วยนะ
ทางเดินไปน้ำตก ผ่านสวนสัตว์ด้วย เลยไปถ่ายรูปพี่หมีซักหน่อย นางดูเหงาๆ เอ๊ะ หรือหลับ
แม้จะเฟลกับปลายทางน้ำตก แต่รู้มั้ยว่าในความโชคไม่ดีมันมักมีอะไรดีเสมอๆ ก็ไฮไลท์ทริปนี้ไงจะอะไรล่ะ 2 ข้างทาง ระหว่างทางไป กลับ นิ่วิวสวยอลังม๊าก ทุ่งนาขั้นบันไดเขียวๆเต็มไปหมด มีความธรรมชาติ อากาศดี แบบสดชื่น หายใจได้เต็มปอด ถ้าพลังชีวิตจะหมดแนะนำให้มาชาร์จแบทที่นี่เลย
มีความเขียวสูงมาก
ระหว่างทางสวยงามเสมอ จริงๆ
กลับมาถึงก็เกือบเย็นแล้ว นอนเล่นซักพัก ค่ำๆ เราก็ออกไปเดินเล่นที่ night market ต่อค่ะ ได้เข้าเมืองซักที 5555
ตลาดที่นี่ก็คล้ายๆตลาดนัดบ้านเราน่ะแหละ แต่มีความเก๋ไก๋ในการจัดร้าน และของพื้นเมืองที่น่าดึงดูด (เราก็โดนดูดไปซื้อผ้าซื่นมาใส่เล่นหลายผืนเลย)
ละจะบอกว่าร้านนั่งชิลในเมือง ที่จัดร้านได้น่านั่งทุกร้านเลยค่ะ เดินสุ่มๆเข้าไป ร้านไหนก็สวยอะเอาตรงๆจบวันนี้ไปด้วยคอกเทลเบาๆ เหนื่อยมาทั้งวันแต่คุ้มค่ามาก
Day 3 : Check-in โรงแรม พักผ่อน – ร้านกาแฟ Viewpoint café – Utopia – เดินเล่นถ่ายรูปในเมือง
ตื่นเช้ามาวันนี้ หมอกบางๆ ก็มาทักทายกันเลย วิวแม่น้ำโขงกับหมอกบางๆแบบนี้ มันเข้ากันดี๊ดี
อาหารเช้าริมโขง บรรยากาศสวย วิวดี กาแฟอร่อย
วันนีเราต้องเชคเอ้าท์ เพื่อไปพักอีกโรงแรมในเมืองที่ The Belle Rive Boutique Hotel คืนสุดท้ายของทริปนี้ มานอนในเมืองดูบ้าง
บรรยากาศที่โรงแรมค่ะ ตึกสวยดี มีความวินเทจ
อยู่ในเมือง แต่ก็ยังมีวิวแม่น้ำสวยๆ ให้นั่งดูนะ โรงแรมนี้ครบมาก
ในห้องพักค่ะ หรูหรา ดูดี ตามท้องเรื่อง
แพลนวันนี้คือตามเก็นร้านสวย วิวดี ที่พลาดไม่ได้เลยถ้ามาหลวงพระบาง ไม่ต้องไปเสิดหาที่ไหน เอามาให้ที่นี่แล้ว น่ารักและมีน้ำใจมากๆใช่มั้ยล่ะ
ร้านแรกเลยค่า View Point Café ชื่อก็บอกแล้วว่า View point เนาะ ก็วิวดีสมชื่อจริงๆค่ะ ร้านนี้เป็นร้านกาแฟ สไตล์หรูๆหน่อย มีอาหารเสิร์ฟด้วยนะ จุดเด่นก็คือบรรยากาศนี่แหละ ตัวร้านตั้งอยู่ในองศาที่กำลังสวยพอดิบพอดี เห็นวิวโค้งน้ำและภูเขาอย่างลงตัว การได้มานั่งจิบกาแฟลาวที่นี่คือที่สุด
จุดเด่นอีกอย่าง ปอเปี๊ยะทอดอร่อยมาก มาละลองสั่งดูนะ
ถัดมา กับเป้าหมายถัดไป จะบอกว่าเป็นที่ที่เราชอบมากสุดเลยก็ว่าได้ กับ UTOPIA ร้านชิคๆริมโขงที่เป็นเหมือนศูนย์รวม แบคแพคเกอที่มาเที่ยวลาว ไม่น่าเชื่อว่าทางเข้าเล็กๆ และดูลึกลับจะมีร้านที่มีคนรวมตัวกันเยอะมากซ่อนอยู่ มานั่ง มานอน มาอ่านหนังสือ ใช้ชีวิตกันเหมือนอยู่บ้าน 90% คือฝรั่ง บรรยากาศดูอบอุ่น สบายๆ เหมือนเป็นที่ทำให้คนแปลกหน้ามานั่งคุยเล่น รู้จักกัน เก๋ไปอีก
บรรยากาศดีแบบนี้นี่เอง คนถึงได้แห่มากัน จะชิลไปไหน บางคนหลับไปเลย
วิวดี ร้านสวย Concept ได้ เริ่ด!
ที่ร้านมีเครื่องดื่ม และ อาหารเสริฟด้วยนะ จิบเบียร์วนไปค่ะ
เป้าหมายถัดมาไม่ใช่ร้านสวยที่ไหน แต่เป็นสิ่งที่เราอยากแนะนำถ้ามาหลวงพระบาง ซึ่งก็คือการเดินเล่นในเมืองค่ะ สิ่งปลูกสร้าง บ้านแต่ละหลัง ประตูแต่ละบาน ดูสวยและมีเสน่ห์มาก ยกให้เป็นเมืองที่มีประตุบ้านสวยสุกเมืองนึงเลย เดินไปเรื่อยๆ แวะถ่ายรูป อยากพักร้านไหนก็เข้าไปนั่ง หลวงพระบางเมืองนี้นี่ไม่ธรรมดา
บ้านเมืองเค้าช่างน่ารัก
สายฮิปเตอร์นี่พลาดไม่ได้เลย ไปยืนเท่ๆถ่ายรูป หน้าร้าน หน้าบ้าน หน้าประตู นี่ต้องทำ 5555
สุดท้ายของวันผิดท้ายด้วยร้านสวยในเมืองที่ น้าร้านโดดเด่น จนดึงให้เข้ามา มื้อเย็นวันนี้เลยมาลองอาหารพื้นเมืองแบบจัดเต็ม
อาหารพื้นเมืองค่ะ ส้มตำลาว หมูต้มเค็ม ลาบปลา
คืนสุดท้ายแล้วสินะ ที่จะได้นอนที่นี่ ยังไม่อยากกลับเลย
Day 4 : ตักบาตรข้าวเหนียว –เดินตลาดเช้า – แวะ JOMA Café – กลับ กทม
เช้านี้ตื่นเช้าเป็นพิเศษเพราะมีโปรแกรมที่ต้องทำ ไม่ทำเหมือนมาไม่ถึงหลวงพระบาง นั่นก็คือตักบาตรข้าวเหนียว แม้วันนี้จะฝนตกแต่เช้ามืด อากาศไม่เป็นใจ แต่คนก็ลุกขึ้นตื่นตั้งแต่ตี 5 เพื่อมารอตักบาตร ประมาณตี 5 ครึ่งพระก็เริ่มเดินต่อแถวเรียงรายกันมาบิณฑบาต ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรที่หาดูยากมั้ย แต่ด้วยบรรยากาศและอารมณ์ตอนนั้นคือมันแบบ คลาสสิค อ่ะ รู้สึกเป็นอะไรที่ต้องลองทำซักครั้งในชีวิต
ฝนตกไม่ใช่ปัญหาเลย
ตักบาตรเสร็จก็มาเดินเล่นตลาดเช้าต่อ เพลินๆดีนะ ของพื้นบ้านแปลกๆเยอะเลย จะว่าไปก็เหมือนตลาดสดบ้านเราน่ะแหละ แต่มีความบ้านเยอะกว่า ของแต่ละอย่างนี่เหมือนจับมาสดๆ ใครอยากเจอของประหลาดๆที่แนะนำให้มาเลย
ได้เวลาอาหารเช้าแล้วล่ะ กลับมาจัดหนักจัดเต็มที่โรงแรม จะบอกว่าสิ่งที่ดีที่สุดของวันนี้คืออาหารเช้าเลยค่ะ อร่อยมากทุกอย่าง เมนูมีให้เลือกเยอะมาก เลือกอะไรก็ได้ เรานี่กินไปฟินไป อร่อยจริงๆ
แพลนวันนี้ไม่มีไรมากค่ะเชคท์เอ้าท์เสร็จก็ไปแวะร้าน Joma Café ร้านกาแฟเบเกอรี่ชื่อดัง ก่อนกลับคนเยอะได้อีก
หมดแล้วล่ะ 4 วัน 3 คืน กับ Green Season ที่หลวงพระบาง ถือว่าเป็นอีกรูทที่ประทับใจ สวยงาม มีความคลาสสิคตามที่ใจคิดไว้จริงๆ แม้จะมาช่วงนี้อาจจะเจอฝนทำให้เที่ยวไม่สนุกบ้าง เสียเวลาไปบ้าง แต่ขอยืนยันตรงนี้เลยว่าหลวงพระบางหลังฝนตกนี่คุ้มค่าการรอคอยมากมายค่ะ หลงรักลาวเข้าให้อีกเมืองอีกแล้วล่ะ ทริปหน้าจะไปเมืองไหนอีก ฝากติดตามด้วยนะคะ ลาวกับเรานี่เริ่มจะเข้ากันได้ดีละ ^^
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ Thai AirAsia กับการเดินทางแสนพิเศษครั้งนี้ด้วยนะคะ บ๊ายบายค่ะ
Comments
Post a Comment
You must be logged in to post a comment.
Sildenafil
Hello! Cool post, amazing!!!