Image Alt

Blog

NWBH#1[ Maldives] :: วันดีๆที่..Centara Grand Island Resort & Spa :))

 

สวัสดีค่ะทุกคน
ก่อนอื่นต้องขอออกตัวแรงๆก่อนเลยว่าการเขียนรีวิวครั้งนี้
ถือว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตก็เป็นได้ ที่ตั้งใจเขียนอย่างเอาจริงเอาจังค่ะ
 ซึ่งรีวิวแรกที่ภูมิใจนำเสนอมากๆถึงมากที่สุด
คือ Trip Maldives เมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมานี่เอง
งานนี้เราก็เริ่มจากไปเดินทัวร์หาแพคเกจงามๆจากงานท่องเที่ยวไทยไปทั่วโลกเมื่อต้นปีค่ะ
ละก็ได้มาสมใจอยากและคุ้มค่ามากๆ ทริปนี้ หาเอง ไปเอง จองเอง ไม่ต้องง้อทัวร์ค่ะ


md-01

ถ้าพูดถึง”หมู่เกาะมัลดีฟ” คงไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะมันเป็นสวรรค์บนดินของใครหลายๆคนที่หมายมั่นปั้นมือว่าซักครั้งต้องไปเหยียบให้ได้

การเดินทางครั้งนี้เราไปสายการบิน Srilankan Airlines ที่ดูแลเราเป็นอย่างดีตั้งแต่วันที่ไปซื้อตั๋วจนถึงวันที่เครื่องบิน Landing สู่กรุงเทพ

ส่วนรีสอร์ทที่เราไปพักคือ Centara Grand Island Resort & Spa Maldives ที่มีแพคเกจห้องพักดีๆ ให้เราได้มีทริปที่สุดพิเศษในซัมเมอร์นี้ค่ะ

 

เราเริ่มต้นการเดินทางเย็นวันที่ 12 เมษาเทศกาลสงกรานต์พอดีเป๊ะคงไม่ต้องบอกว่าสนามบินสุวรรรณภูมิคนเยอะแค่ไหน – -“

สำหรับคนที่อยากไปมัลดีฟแนะนำให้หาไฟล์ทกลางคืนนะคะ แวะพักที่ Transit hotel ซักคืน ออกอีกทีตอนเช้าจะได้มีเวลาพักผ่อน และได้ใช้เวลามัลดีฟอย่างคุ้มค่าเพราะไปถึงเร็วค่ะ^^

ไฟล์ทเราออกตอนสามทุ่มกว่าๆโดยสายการบิน Srilankan Airline ด้วยที่นั่งชั้นประหยัดแต่สะดวกสบาย เพราะพี่ที่เป็นเซลเค้าจองที่นั่งอย่างดีไว้ให้ค่ะ

ใครบินไฟล์ทของที่นี่แนะนำที่นั่ง 50 A และ C นะคะ นั่งสบาย ยืดขาได้ด้วย ตอนแรกที่นึกไฟล์ทนี่ไว้คือต้องมีแต่แขก และอาจจะมีกลิ่นด้วยแน่ๆ แต่เปล่าเลยล่ะ มันดูสะอาดและดีกว่าที่คิดไว้มากค่ะ

อาหารบนเครื่องก็กลางๆนะ ไม่ได้อร่อยมากแต่ก็ไม่แย่นะ การเดินทางจากกรุงเทพไปโคลอมโบใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงค่ะ ไปถึงที่นู่นก็ประมาณ ห้าทุ่มกว่าๆ ( เวลาท้องถิ่นที่โคลัมโบช้ากว่าไทย 2 ชม )

และเนื่องจากเป็นไฟล์ทกลางคืนการเดินทางขาไปครั้งนี้เราจึงแวะ Transit ที่ Columbo (ศรีลังกา ) ก่อน1คืนโดยไปพักที Seredineva transit hotel ค่ะ โรงแรมเล็กๆในAirport ห้องพักก็ไม่เลวเลยนะคะ

ถือว่าดีเลยก็ว่าได้สำหรับการพักผ่อน 1 คืน อุปกรณ์ในห้องน้ำมีแค่สบู่นะคะ ใครติดสระผมทุกวันต้องพกแชมพูสระผมมาด้วย แล้วก็ไม่มีไดร์เป่าผมบริการนะคะ สาวๆที่อยากเสริมสวยต้องเอาขึ้นเครื่องติดมาด้วย

แนะนำให้เอาผ้าห่มติดมือมาด้วยก็ดีนะ เพราะผ้าห่มบางมาก กลางคืนอากาศค่อนข้างเย็นค่ะ ราคาต่อห้องประมาณ 1000 บาทไม่มีอาหารเช้า

สำหรับราคานี้ถ้าเทียบกับการพักผ่อนเหนื่อยๆจากการเดินทาง แล้วถือว่าโอเคเลยนะคะ ตอนเช้ามีพลังเหลือไปเที่ยวต่ออีกเยอะเลยล่ะค่ะ

ภาพบรรยากาศ ห้องพักค่ะ เรียบๆดูดี มีห้องน้ำในตัว น้ำแรงใช้ได้เลยล่ะ โดยรวมแล้วโอเคมาก

md-03

และแล้วเวลามุ่งสู่มัลดีฟก็มาถึง เราเริ่มออกเดินตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยความตื่นเต้นเล็กๆ ไฟล์ทบินตรงไป MALE ออกปะมาณ 7 โมงเช้าค่ะ เราเดินทางอีกครั้งด้วยที่นั่งที่เดิม ริมหน้าต่าง ยืดขาได้ เหมาะแก่การถ่ายรูปสุดๆ

md-05

นั่งไปไม่นานไม่น่าจะถึง 2 ชั่วโมงดี เวลาที่เครื่องบินเริ่ม Landing สู่ MALE ก็มาถึงค่ะ สิ่งแรกที่เห็นคือน้ำทะเลและหมู่เกาะเล็กๆน้อยๆ ที่เป็นสีฟ้าและสีเขียวเต็มไปหมดแถมดูใสปิ๊งอีกต่างหาก

ขนาดนั่งมองจากบนเครื่องนะถ้าไปใกล้ๆจริงๆจะสวยขนาดไหนคงไม่ต้องบอก O_O

md-06

หลังจากลงเครื่องทำเรื่องตรวจคนเข้าเมืองเสร็จ เจ้าหน้าทีเชื่อสายแขกของ Centara ก็มายืนถือป้ายรอต้อนรับเลยตั้งแต่ก้าวแรกที่ออกมาเลยค่ะ จากนั้นก็พาไปที่ซุ้มของโรงแรมเพื่อเชคชื่อการเข้าพัก

ต่อด้วยพาไป Check-in เพื่อซื้อตั๋ว Domestic flight เพื่อบินไปหมู่เกาะที่ใกล้โรงแรมค่ะ  สำหรับคนที่มาเป็นแพคเกจแบบนี้ก็ต้องไปตามที่โรงแรมจัดเตรียมไว้ แต่ถ้าเลือกได้แนะนำให้จองตั๋วไปขึ้น Maldives Taxi หรือ Sea Plane นั่นเองค่ะ

เพราะไหนๆก็มาถึงแล้วไม่ขึ้น Sea plane เหมือนมาไม่ถึงค่ะ เท่าที่ทราบมาไปส่งถึงโรงแรมเลยนะคะ แต่มีรอบบินอยู่ ก่อนไปต้องเชคดีๆ และแน่นอนว่าถ้าขึ้น Sea plane วิวน่าจะสวยงามกว่านี้

เพราะบินค่อนข้างต่ำแถมได้อารมน้ำทะเลกระเซนเล็กน้อย ถ้าได้ไปคงได้ถ่ายรูปจุใจกว่านี้ แอบเสียดายเล็กๆ  แต่อย่างที่ทราบกันดีราคาของ Sea plane ก็จะแพงกว่านี้มากเช่นกัน ลองเก็บไว้เป็นตัวเลือกดูละกันค่ะ

Maldives Taxi (Sea Plane)
md-07

ระหว่างรอเครื่องบินก็ไปเดินเล่นรอบๆสนามบินของ MALE ที่อยู่ติดทะเลพอดี …แค่ทะเลหน้าสนามบินน้ำก็ใสมากมองทะลุผ่านไปได้เลยค่ะ

ไม่อยากจะนึกว่าไปถึงที่เกาะจะสวยขนาดไหน ระหว่างรอขึ้นเครื่องที่สนามบินมาเล่มีร้านอาหารแถวสนามบินให้นั่งเล่นด้วยนะคะ ชื่อ Aqua restaurant ค่ะ มี WIFI ให้เล่นด้วย

ระหว่างรอสั่งน้ำสตอรเบอรี่ปั่นมากินแก้ร้อน รสชาติใช้ได้เลย ไม่แพงด้วยค่ะ

md-08

md-09

ได้เวลาออกเดินทางอีกครั้งแล้วค่ะ คราวนี้เริ่มใกล้ความฝันไปอีกหนึ่งขั้นแล้ว การออกสู่หมู่เกาะกลางทะเลโดย Domestic flight ครั้งนี้เราบินไปด้วยเครื่องบินใบพัดแสนเก๋

เมื่อเครื่องบินเริ่มออกสู่ท้องฟ้าวิวด้านล่างคงไม่ต้องพูดถึง มี ATOLL เป็นสิบๆอัน กระจายตัวไล่สีตัดกับน้ำทะเลกันอย่างสวยงามตระการตามองไปทางไหนก็สวยไปหมดมีแต่ฟ้ากับน้ำ

นั่งไปไม่ถึงชั่วโมงดี ก็มาถึงจุดหมายค่ะ ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าต้องต่อรถบัสอีก 1 ต่อเพื่อขึ้นเรือไปโรงแรมค่ะ ซึ่งเมื่อลงรถบัส เรือ Speed boat ของ Centara ก็มารอรับเราไปโรงแรมพอดีเลยค่ะ

หลายต่อหน่อยแต่ทุกการเดินทางนั้นสะดวกมากนะคะ ทุกอย่างรวมอยู่ในแพคเกจของโรงแรมหมดแล้วและถูกจัดเตรียมมาอย่างดีไม่วุ่นวาย ตรงต่อเวลา ระหว่างขึ้นเรือไปที่รีสอร์ทมีผู้โดยสารที่ไปกับเราอีกครอบครัวหนึ่ง

เป็นคนไทยซะด้วยค่ะ เราเลยมีการพูดคุยกันนิดหน่อยตามประสาคนไทยในต่างแดน  นั่งเรือประมาณ20 นาทีก็ถึงรีสอร์ทแล้วค่ะ

md-10

เมื่อไปถึง ภาพแรกที่เห็นคือ  Water villa กลางหมู่เกาะภาพเดียวกับใน website ที่นั่งดูมาหลายเดือนเป๊ะ แต่มันช่างดูดีและสวยกว่ารูปถ่ายมากๆบรรยายยังไงก็คงสื่อได้ไม่เท่ามาเห็นจริงๆ

ถึงแล้วค่ะสวรรค์บนดิน Centara Grand Maldives ที่วาดฝันมานาน : )

 ภาพนี้แหละค่ะ ความประทับใจแรกที่มาถึงสวยมากๆ
md-11

เราเช็คอินที่รีสอร์ทประมาณเที่ยงนิดๆค่ะ พระอาทิตย์กำลังทำงานหนักเลยแดดแรงมากๆ พนักงานของโรงแรมเข้ามาต้อนรับเป็นอย่างเป็นกันเองพร้อม Welcome drink รสชาติแปลกๆแต่ก็ชื่นใจดี

หลังจากทำเรื่องเช็คอินเสร็จแล้ว พนักงานเค้าก็เริ่มแนะนำถึงสถานที่ต่างๆในรีสอร์ท ห้องอาหารและกิจกรรมต่างๆในโรงแรมค่ะ ซึ่งแพคเกจที่เราซื้อมานั้นเป็นแบบ All inclusive ซึ่งรวมทุกอย่างไว้ครบหมดแล้ว

รวมถึงมีสปาให้นวดฟรีด้วยถือว่าคุ้มมากๆเลยค่ะ เพราะนอกจากอาหารสุดหรู และเครื่องดื่มทั้ง Alcohol และ Non alcohol จากทุกห้องอาหารและบาร์ของที่นี่แล้ว

กิจกรรมของทางโรงแรมก็มีเยอะมากๆโดยมีตาราง Schedule บอกชัดเจนว่าแต่ละอย่างมีเวลาตอนไหนบ้างต้องวางแผนดีๆเลยล่ะ แนะนำว่าให้ลองวางแผนดูตั้งแต่วันแรกที่ไปถึง

และแจ้งทางรีสอร์ทเลยนะคะว่าจะทำอะไรช่วงไหนค่ะ เพราะกิจกกรรมเค้าเยอะมากจริงๆ นอกจากนี้ MINI BAR ในห้องพักเค้าก็เติมให้ไม่อั้นนะคะอะไรหมดก็มาฟิลให้ตลอดค่ะ

ส่วนบรรยากาศของรีสอร์ทนั้น ก็เงียบสงบดี เป็นส่วนตัว แม้จะเป้นช่วง High season วันสงกรานต์พอดี นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ แต่ทางรีสรอ์ทก็บริการเป็นอย่างดีค่ะ ทั่วถึง หาข้อติยากมากๆ

ตัวรีสอร์ทการตกแต่งเป็นแบบ Modern เน้นเรียบง่ายและดูดีโทนสีฟ้าใสๆให้อารมชาวเกาะนิดๆค่ะ

แผนผังโรงแรมค่ะ แอบขโมยมาให้ชมกัน ไว้เป็นข้อมูล ห้องพักเราอยุ่ตรงโซน luxury sunset water villa ค่ะ

md-12

ส่วนของรีสอร์ทแบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆคือส่วนห้องพักแบบ Water villa ที่ยื่นออกไปในทะเล

ส่วนที่สองคือล๊อบบี้กลางน้ำและท่าเรือของโรมแรมที่มีทางเดินไปริมชายหาดของเกาะซึ่งเป็นทางไปยังห้องหารต่างๆห้องพักและสถานที่ทำกิจกรรมทางน้ำ

และส่วนสุดท้ายคือในเกาะค่ะ เป็นที่ตั้งของห้องพักแบบ Beach villa ห้องอาหาร และบาร์ต่างๆ รวมไปถึงสปาและสระว่ายน้ำส่วนกลางด้วยค่ะ

บรรยากาศโดยรวมถือว่าดีมากนะคะ เงียบสงบเป็นส่วนตัว พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใส อัธยาศัยดี คุยเก่งกันทุกคนเลย

ที่ทางเดินมีป้ายบอกสถานที่ชัดเจนเพราะพื้นที่ของโรงแรมนี้ค่อนข้างใหญ่ถ้าไม่มีป้ายบอกนี่หลงได้ง่ายๆเลย ภายในรีสอร์ทต้นไม้เยอะมาก ร่มรื่นสุดๆค่ะ

Water Villa ตั้งเรียงราย บรรยากาศสวยมาก

md-13

บริเวณล๊อบบี้ค่ะ

md-14

อีกด้านนึงของ Lobby เป็นส่วนของท่าเรือค่ะ

md-15

ส่วนภาพนี้เป็นระหว่างทางที่จะเดินไปโซน Luxury Sunset Water Villa สวยงามเอามากๆ

md-16

หาดทรายขาว ที่มัลดีฟ…

md-17

md-18

ที่รีสอร์ทมีคลินิกเล็กๆไว้บริการด้วยนนะคะ บรรยากาศรอบๆเต็มไปด้วยต้นไม้ ร่มรืนดีค่ะ

md-19

หลังจากเชคอินเรียบร้อยแล้ว reception คนสวยก็พาเรามาที่ห้องพักค่ะ เราซื้อแพคเกจห้องพักมาในรูปแบบของ Luxury sunset water Villa ซึ่งเป็นห้อง Type ที่ดีที่สุดของรีสอร์ทนี้ค่ะ

ห้องนี้ตั้งอยู่ในฝั้งทิศตะวันตกพอดิบพอดี ตามชื่อเลยค่ะ ตกเย็นก็รอชมวิวพระอาทิตย์ลับของฟ้าจากระเบียงห้องได้เลย ห้องที่เราได้เป็นห้องพักเบอร์ 78

ตัวห้องพักเป็นบ้านหลังใหญ่กลางน้ำมีชั้นลอยไว้ให้นอนชมวิวดูดาว ในส่วนของระเบียงมีบันไดยืนลงไปในน้ำสามารถเดินลงไปว่ายน้ำเล่น สนอคเกิลได้ตลอดเวลาค่ะ

ปะการังหน้าวิลล่ายังดูอุดมสมบูรณ์อยุ่ด้วย แถมวันดีคืนดีก็จะมีสัตว์น้ำ ปลาแปลกๆว่ายมาทักทายกันถึงหน้าห้องเลยนะคะ เรียกว่าสนิทกับปลากันไปเลยล่ะ ^^

ส่วนวิวทะเลที่มองออกไปจากห้องพักจะยังไม่ถึงขนาดพาโนราม่าเต็มๆนะคะ เพราะมี Water villa แบบ Family ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามไกลๆ ด้วย (แต่วิวแค่นี้ก็สุดยอดละค่ะ)

จากที่ไปสำรวจมา ห้องพักที่ดีที่สุดของที่นี่ต้องเบอร์แถวๆ67-69 ค่ะ ห้องแถบนั้น วิวทะเลเต็มๆเลยล่ะค่ะ แอบเสียดายไม่น้อย จองไม่ทันค่ะ

กำลังเดินไปห้องพักค่ะ …

md-20

ระหว่างทางมีป้ายบอกชัดเจน ห้องมุมสุดนู้นนนน วิวดีมากๆค่ะ

md-21

ถึงแล้วค่ะ ห้องพักของเรา เบอ 78 ^^

md-22

ไปชมภาพกันดีกว่าบรรยากาศห้องพักกันดีกว่าค่ะ ภาพนี้เป็นภาพวิลล่าทั้งหลังค่ะ ดูใหญ่โตเอามากๆ

md-23

มาดูในห้องกันบ้าง ภายในห้องพักมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันตามมาตรฐานของโรงแรมห้าดาวค่ะ ห้องน้ำใหญ่มากๆครึ่งนึงของห้องนอนเลยก็ว่าได้ มีอ่างจากุชชี่ให้นอนแน่น้ำเพลินๆด้วย เรียกว่าสะดวกสบายสุดๆ

ในห้องพักใช้การตกแต่งสไตล์โมเดินเช่นเคย  โทนสีฟ้าขาว พื้นไม้ ดูสบายตา เหมาะแก่การพักผ่อน บรรยากาศดีมาก พื้นทีกว้างขวาง ทุกอย่างดูลงตัว ถือว่าเป็นห้องพักในการติดเกาะที่คุ้มค่ามากๆ

อ้อลืมบอกค่ะ ระบบพลังงานของที่นี่ทำงานดีมากนะคะ เพราะถ้าเปิดหน้าต่างหรือระเบียงทิ้งไว้ไม่ถึง 5 นาทีแอร์ก็ปิดแล้วค่ะ เพราะระบบแอร์ของที่นี่จะทำงานก็ต่อเมื่อเราล๊อคประตู และปิดหน้าต่างมิดชิดเท่านั้นค่ะ

ภายในห้องค่ะ เตียงนอนของเราสำหรับ 3 คืนนี้ 

md-24

ห้องน้ำค่ะท่านผู้ชม กว้างขวางมาก มีชูชีพให้พร้อมสำหรับการลงน้ำตลอด แบ่งเป็นโซนๆ ทั้งมุมแต่งตัว มุมอาบน้ำ และมุมปลดทุกข์ค่ะ

md-26

ระเบียงหลังห้องค่ะ มีเก้าอี้นอน 2 ตัวให้นอนอาบแดด ชมวิว ได้ทั้งวันทั้งคืน เพลินมากกกกก ^^
md-27 md-28

ไปชมบรรยากาศชั้น 2 กันดีกว่าค่ะ ด้านบนไม่ได้มีที่พักอะไรเพิ่มนะคะ มีแค่ที่นั่งไว้ชมวิว ดูดาว ค่ะ

md-29 

md-31

ทนความใสไม่ไหว มาถึงกระโดดลงน้ำเลยค่ะ ภาพนี้ว่ายเล่นตรงหน้าห้องค่ะ น้ำใสมากๆ เสมือนมีสระว่ายน้ำส่วนตัวยังไงยังงั้น

md-32

ภาพโดยรวมวิลล่าของเราค่ะเห็นเรายืนอยุ่ไกลๆมั้ย ^^ จะได้ภาพนี้ต้องไปถ่ายขึ้นมาจากในน้ำเลยล่ะ  จะเห็นได้เลยว่าน้ำใสมาก เห็นแบบนั้นน้ำไม่ได้ตื้นๆเลย ลงไปนี่ประมาณอกได้เลยค่ะ

md-34

หลังจากดูรีวิวในส่วนห้องพัก คราวนี้ เราไปทัวร์กินกันบ้างดีกว่าค่ะ ไหนๆก็ All inclusive ทุกอย่างรวมไว้หมดละ เราต้องเทสทุกห้องอาหาร ทุกบาร์ค่ะ

บรรยากาศระหว่างเดินทางไปห้องอาหารค่ะ ไกลๆที่เห็นคือห้อง Type Deluxe Family Water Villas
md-35

ห้องอาหารแรกที่เราไปลิ้มลอง คือ Reef restaurant  เป็นห้องอาหารแบบบุฟเฟ่ค่ะ ประเภทอาหารจะเป็นนานาชาติ วันไหนมีของชาติไหนก็จะติดป้ายบอกไว้หน้าห้องอาหาร ห้องอาหารนี้เปิดตั้งแต่เช้ายันค่ำเลยค่ะ

แขกที่เข้าพักสามารถเข้ามารับประทานได้ตลอดเวลาไม่ต้องจองคิว นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นที่สำหรับทานอาหารเช้าด้วย ซึ่ง Line buffet อาหารเช้ามีให้เลือกเยอะ หลากหลายดีค่ะ กินไม่ถูกเลยแหละ

บรรยากาศของ Reef  Restaurant นี้เป็นแนวสบายๆค่ะ ตกแต่งให้อารมณ์เหมือนนั่งอยู่ริมหาด พื้นเป็นปูนโรยด้วยทราย เก๋ดีค่ะ ตั้งอยู่ริมทะเล มีพื้นที่ทั้งในส่วน In door และ out door ให้เลือกนั่งกันตามใจชอบ

ถ้าพูดถึงเรื่องรสชาติอาหารก็ถือว่าใช้ได้นะคะ อร่อยเลยล่ะค่ะ ตอนที่ไปมีแม่ครัวยืนตำส้มตำให้ทานกันสดๆเลยด้วย เป็นช่วงสงกรานต์พอดีเอาใจคนไทยค่ะ ^^  เรื่องความอิ่มคงไม่ต้องพูดถึงเพราะเติมได้ไม่อั้น

เครื่องดื่มก็ไม่อั้นเช่นกัน นั่งจิบไวน์กัน ตั้งแต่หัววันเลย พนักงานก็น่ารักกันทุกคนค่ะ พุดเก่งดี บริการเยี่ยม นอกจากนี้ตอนกลางคืนที่ห้องอาหาร Reef จะมีบริการ Tepanyaki ด้วยนะคะ แต่ต้องรีบจองไว้ก่อนนะ เพราะป๊อปปูล่าเอามากๆ ถ้าช้าอดกินชัวๆ ค่ะ

Reef Restaurant

md-36

ที่นั่ง Out door ด้านนอก ของ Reef Restaurant ติดทะเลเลยค่ะ

md-37

ส่วนห้องอาหารที่ 2 ที่เราไปคือ Lotus restaurant ชื่อก็บอกแล้วว่าต้องห้องอาหารไทยแน่ๆ  ห้องอาหารนี้เปิด-ปิดเป็นเวลานะคะ โดยจะบริการ แค่อาหารกลางวัน และ อาหารเย็นเท่านั้น

ถ้าจะมาทานต้องจองไว้ก่อนค่ะ หรือถ้าไม่ได้จองลองไปเชคที่ร้านดูถ้าเค้ามีโต๊ะว่างก็สามารถเข้าไปทานได้ค่ะ อาหารที่บริการจะเป็น Thai  Set menu ค่ะส่วนเครื่องดื่มก็ไม่อั้นเช่นเคย

รสชาติอาหารนั้นอร่อยมากค่ะ ทราบมาว่ามีเชฟคนไทยจัดการหมด บรรยากาศโดยรวมในร้าน ตกแต่งแบบไทยเลยค่ะ เรียบหรู สะอาดสะอ้าน แต่ไม่ติดทะเลนะคะอยู่ในเกาะค่ะ

ไม่ได้เก็บภาพมาฝากนะคะสำหรับที่นี่เพราะไปทานมื้อค่ำของเย็นวันแรกเลย เพลียเอามากๆ ขอเก็บภาพบรรยากาศค่ำคืนมาฝากแทนละกันนะ

md-39

และแล้วก็มาถึงห้องอาหารสุดท้ายของที่นี่ค่ะ ถือว่าเป็นไฮไลท์เลยก็ว่าได้นะ ห้องอาหารอิตาลีบรรยากาศดี ตั้งอยู่กลางน้ำ ห้องอาหารนี้ชื่อ  Azure Restaurant ค่ะ

ที่ต้องบอกว่าเป็นไฮไลท์เพราะว่า นอกจากบรรยากาศจะดีมากแล้ว วิวที่ออกไปก็เป็นวิววิลล่ากลางน้ำและทะเลเต็มตาเลยค่ะ นั่งทานไปให้อาหารปลาไปด้วยยังได้

ห้องอาหารนี้จองยากสุดละค่ะ มาถึงแนะนำให้จองไว้ก่อนเลย ห้องอาหารนี้เปิดปิดเป็นเวลานะคะ บริการแค่อาหารกลางวันและเย็นเช่นเคยค่ะ อาหารที่บริการก็เสริฟเป็น Set menu เหมือนกันค่ะ

ในส่วน Main course มีให้เลือกเป็นพิซซ่าเตาถ่านหน้าต่างๆด้วยนะคะ อบกันสดๆตรงนั้นเลย อร่อยมากกกกก และที่พลาดไม่ได้เลยของหวานค่ะอร่อยทุกสิ่งอย่าง

ภาพบรรยากาศ Azure Restaurant ค่ะ

md-40

วิวจากห้องอาหาร Azure 

md-43

 

นอกจากร้านอาหารที่กล่าวมาแล้ว ทางโรงแรมเค้ายังมีบาร์น้ำไว้คอยบริการอีกด้วยค่ะ ใครที่อยากนั่งชิวๆชมวิวเพลินๆ ก็สามารถมาสั่งน้ำ ที่ Aqua Bar ได้ตลอดเวลาเลยค่ะ บาร์นี้อยู่ตรงล๊อบบี้เลย

มีที่นั่งบรรยากาศดีๆให้ชมวิว พักผ่อน อ่านหนังสือชิวๆได้ทั้งวัน อีกบาร์นึงตั้งอยู่แถวๆ Reef Restaurant ค่ะเป็นอีกด้านนึงของเกาะ ชื่อ Coral Bar ให้บริการเครื่องดื่มเช่นกัน

ส่วนบรรยากาศก็น่ารักไม่แพ้กัน ติดทะเล ที่สำคัญเค้ามี Afternoon tea ให้ทานเล่นด้วยนะคะ

Aqua Bar ค่ะ นั่งเล่นได้ทั้งวันเลย

md-44
ส่วนภาพนี้ …  วิวจาก Coral Bar บาร์น้ำอีกฝั่ง ค่ะ

md-46

ถ้าพูดถึงมัลดีฟ ใครๆก็คงคิดว่าจะไม่มีอะไรให้ทำใช่มั้ยคะ เพราะอยู่กลางเกาะไปไหนก็ไมได้ มองไปทางไหนก็เจอแต่ฟ้ากับน้ำ ต้องมาพักผ่อนหรืออย่างเก่งดำน้ำตื้นเล่นอย่างเดียว ตอนแรกเราก็คิดแบบนั้นค่ะ

เรากะจะมาพักผ่อนดำน้ำเล่นชิวๆเก็บบรรยากาศสวยๆ แต่ป่าวเลยค่ะ คิดผิดถนัดเพราะที่นี่มีกิจกรรมให้ทำเยอะมาก เรามา 4 วันบอกตามตรงว่ายังไม่พอค่ะ ไปดูกันดีกว่าว่าเค้ามีไรทำบ้าง

ดำน้ำตื้น :

อันนี้กิจกกรรมเบสิกค่ะ ต้องทำอยู่แล้วเพราะน้ำใสมากขนาดนั้นอยากจะกระโดดลงตั้งแต่ที่เห็น Snorkling ที่นี่สวยมากนะคะ ลงไปดำได้จากบันไดที่ระเบียงเลย ดำรอบๆบ้านก็สวยแล้วค่ะ

ปะการังแน่นมากยังดูอุดมสมบูรณ์อยุ่ มีปลาน่ารักๆเต็มเลยค่ะ ว่าจะดำรอบเกาะของรีสอร์ทยังดำไม่หมดเลย แนวปะการังเยอะและกว้างมาก แค่ลงบันได้บ้านก็เจอแล้ว สนอคเกิลนี่เจอปลาฉลาม เจอเต่า ด้วยนะคะ เซอไพรส์มาก

ว่ายน้ำเล่นกับลูกปลาฉลามได้เลยค่ะ เพลินมาก ส่วนอุปกรณ์ดำน้ำตื้นทางรีสอร์ทเค้ามีให้ใช้ฟรีนะคะ ไม่ต้องแบกมา มีฟินให้พร้อมเลยล่ะ

md-47

Baby Shark ค่ะ ที่นี่มีเยอะมาก ว่ายเจอตลอด ..

md-48
นอกจาก Baby Shark แล้วที่นี่ก็จะเจอ พี่เต่าว่ายเล่นอยู่รอบๆด้วย ไปว่ายน้ำกับพี่เค้ามาด้วย ว่ายเร็วกว่าเราอีก ^^

md-49

ปะการังหน้าวิลล่าค่ะ ปลาน่ารักๆเยอะเลย ไม่ต้องว่ายไปไหนไกลค่ะ

md-50

– Snorkeling Trip :

นอกจากจะดำเล่นๆรอบๆรีสอร์ทแล้ว ทางโรงแรมเค้ามีพาไปออกเรือไปสนอคเกิลกลางทะเลด้วยค่ะ ซึ่งมันต่างกันมาก เพราะไปดำผุดดำว่ายอยู่กลางทะเลเลยค่ะ

ไม่ได้ดำรอบๆเกาะเล็กๆเหมือนที่ไทย ใต้น้ำนอกจากเจอปลาประหลาดๆ ฝั่งข้างๆนี่เป็นเหวลึกลงไปเลยค่ะ คอยลุ้นอยู่ตลอดว่าจะมีอะไรโผล่ออกมา 555  เรือจะพาออกไปช่วงบ่ายๆ ใครจะไปก็ต้องมาลงชื่อไว้ก่อนค่ะ

ภาพตอนออกทะเล และ ใต้น้ำค่ะ

 

md-51

– Fishing Trip:

ทุกเย็นทางรีสอร์ทจะมีทริปพาไปตกปลาด้วยค่ะ เรือจะออกช่วงเย็นๆ ต้องจองไว้ก่อนเช่นกันนะคะ เป็นทริปตกปลายามเย็มยาวไปถึงค่ำเลย

พนักงานเค้าจะเตรียมอุปกรณ์และเหยื่อให้พร้อมเลยค่ะ มีการสาธิตสอนตกปลาอย่างดีด้วย ใครตกได้เค้าให้เอากลับไปทำอาหารทานที่ห้องพักด้วยนะ  555

ส่วนเรานี่ตกไม่ได้เลยค่ะ ทำบาปไม่ขึ้นมั้ง เหมือนไปให้อาหารปลาซะมากกว่า หย่อนไปกี่อันเอาขึ้นมานี่เกลี้ยงหมด

พี่คนนี้ ดูแลอย่างดีตอนตกปลา ตกไม่ได้เค้าก็พยายามตกให้  555 แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้สงสัยทำบาปไม่ขึ้นจิงๆ

md-53

– Whale Shark seeing :

อันนี้เป็นทริปออกเรือไปดูฉลามวาฬค่ะ ซึ่งไปช่วงเช้าจนถึงเที่ยงเลย ซึ่งก็ไม่ชัวว่าจะได้เห็นรึเปล่า คนที่ไปละเห็นก็เยอะค่ะ ไม่เห็นก็เยอะเหมือนกัน ตอนเราไปนี่ไม่เห็นอะดวงไม่ดี เห็นเค้าว่า ถ้าเจอนี่ลงไปว่ายเล่นกับมันได้เลย น่าเสียดายมากๆ

– Sunset Cruise and dolphin seeing :

ทริปล่องเรือยามเย็น ชมบรรยากาศพระอาทิตย์ตกสวยๆ รอบเกาะมัลดีฟค่ะ รวมไปถึงลุ้นเจอปลาโลมาด้วย ส่วนขากลับนี่ก็ปีนขึ้นไปนอนดูดาวบนดาดฟ้าเรือได้เลยค่ะ เพราะมืดพอดี  ขอบอกว่าดาวที่มัลดีฟเยอะมากกกกก ฟ้าเปิดสวยอลังการมากสุดๆ

Sunset Cruise …..

md-55

ดาวที่มัลดีฟค่ะ ฟ้าเปิดกว้าง ดาวระยิบระยับเต็มฟ้า ภาพที่เห็นจริงๆสวยและอลังการกว่านี้มากค่ะ สุดยอดจริงๆไม่เคยได้เห็นที่ไหนมาก่อนเลย…

md-56

Feeding Fish :

ทุกเย็นๆเค้ายังมีโชว์การให้อาหารปลาให้ดูด้วยค่ะ สารพัดปลาจะมารอให้อาหารให้หมด ตั้งแต่ฉลามยันปลานี่โม่ จากเหตุนี้เองทำให้เราทราบมาว่าปลาฉลามที่นี่ไม่มีฟันนะคะ เวลากินอาหารจะดูดๆเข้าไป น่ารักใช่เล่น 55555 ( โด่ววว นึกว่าโหดอยุ่ตั้งนานนนนน )

อ้อ สำหรับนักดำน้ำ ที่อยากจะดำน้ำลึกที่รีสอร์ทเค้าก็มีบริการนะคะ โดยให้ลงที่หน้ารีสอร์ทเลย และจากที่ลงไปสำรวจนั้นพบว่าใต้ทะเลยังไม่ค่อยสวยเท่าไหร่นะคะ มาที่นี่ดำน้ำตื้นจะสวยกว่าค่ะ แต่ถ้ามากันเยอะละออกเรือไปดำกลางทะเล อันนั้นเค้าว่าเวิคค่ะ

 

นอกจากที่ เล่าไปแล้วที่รีสอร์ทยังมี Sport center สำหรับบริการกิจกรรมทางน้ำอีกด้วย  มีทั้งเล่นเรือใบ , บานาน่าโบท , fun tube , เรือถีบ เรายังเล่นไม่หมดเลยค่ะ ไปเล่น fun tube มาอย่างเดียว

md-58


ส่วน Facilities อื่นๆก็ทั่วไปค่ะ มีสปาให้บริการนวดฟรี 30 นาทีหรือจะเลือกเป็นขัดผิว นวดอโรม่า เค้าก็มีนะคะ ตามใจชอบเลย เราเลือกขัดผิวมาล่ะ สปาวันสุดท้ายก่อนกลับสบายมากเลยค่ะ

ส่วนสระว่ายน้ำส่วนกลางที่นี่สวยมาก ติดทะเลเลยค่ะ ลึกพอสมควรแต่ก็มีสระสำหรับเด็กน้อยนะคะ ^^


บรรยากาศด้านใน ตกแต่งได้สวยเอามากๆ ต้นไม้เยอะ ร่มรื่นสุดๆ

md-61

สระว่ายน้ำส่วนกลางของรีสอร์ท ติดทะเลเลยค่ะ

md-62
ชิวมั้ยล่ะคะ ว่ายน้ำไป ดูทะเลไป บรรยากาศสุดยอดมากๆ

md-63

สำหรับการพักผ่อนครังนี้ ถือว่าเวลาผ่านไปอย่างเร็วเอามากๆ เลยล่ะค่ะ 3 คืน 4 วันหมดไปอย่างคุ้มค่า  กับรีสอร์ทนี้ ถือว่าประทับใจมากๆ ทั้งในส่วนการบริการ สถานที่และการตกแต่งและโลเกชั่นที่อยู่บนเกาะที่น้ำใสมากจุดหนึ่งของมัลดีฟ

รวมไปถึงกิจกกรรมต่างๆ ที่มีให้เลือกเยอะแยะมากมายค่ะ ถ้ามีใครอยากจะมา แนะนำให้มาแบบ Package ที่เป็น All inclusive แบบที่เราไปนะคะ เพราะที่นี่ขึ้นชื่อมากว่าเป็น All inclusive ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในมัลดีฟก็ว่าได้

ไปมาแล้วก็รู้สึกว่ามันคุ้มจริงๆค่ะ มาครั้งนี้แทบไม่ต้องเสียอะไรเพิ่มเลยนอกจากค่าของฝาก และสำหรับคนที่หาของฝากแนะนำให้ซื้อร้านที่อยู่บนรีสอร์ทเลยนะคะ เพราะถ้าคิดจะกลับมาซื้อที่สนามบินหรือที่มาเล่นั้นราคาไม่ต่างกันเลย

md-64

ค่าเสียหายทริปนี้ …. รวมๆแล้วทั้งหมดทั้งส่วนของแพคเกจห้องพัก ในช่วง High  season และค่าตั๋วเครื่องบิน ประมาณ 106,000 บาทค่ะ
แบ่งเป็นค่าแพคเกจที่พักห้อง Luxury sunset water villa แบบ all inclusive (4วัน3คืน) 79,900 บาท (ราคาต่อ 2 ท่าน )
ค่าตั๋วเครื่องบินคนละ 13,000 บาท
รวมๆแล้ว ถ้าคิดราคาต่อ 1 คนก็ประมาณ 53,000 บาทค่ะ

เรทนี้อยู่งบที่ประมาณการไว้เลยค่ะ ถือว่าเป็นทริปที่ทั้งประทับใจ และคุ้มค่ามาก ถ้ามีโอกาสจะกลับมาอีกอย่างแน่นอนค่ะ

md-65

มือใหม่หัดรีวิว คงต้องจบรีวิว ไว้เท่านี้ก่อนนะคะ สำหรับรีวิวแรกถ้าขาดตกบกพร่องไหน สามารถติและชมได้ตามอัธยาศัยเลยนะคะ ^^
น้อมรับและพร้อมจะนำไปปรับปรุงค่ะ โปรดติดตามตอนต่อไปกันด้วยนะคะ คราวหน้าจะพาไปไหนนั้นต้องติดตามค่า

ลากันด้วยบรรยากาศสวยๆ รูปนี้ค่ะ นอนอาบแดดที่ MALDIVES นี่มันชิวมากจริงๆ นะ ……… สวัสดีค่ะทุกคน ^^
Facebook Fanpage ของเราค่ะ : https://www.facebook.com/nononobuthere
ชอบเที่ยวเหมือนๆกันมาแชร์กันได้นะคะ ^^

 

md-66

 

ให้ภาพเล่าเรื่อง

Follow us on